Girl Variety

ชุมชนสำหรับผู้หญิง

วิตามินอี คืออะไร ? มีประโยชน์ และ โทษ อย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

| By

วิตามินอี

วิตามินอี เป็นอีกวิตามิน ที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่ร่ากายนั้นไม่สามารถผลิตวิตามินอีขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาร และ วิตามินอี นั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้ จึงทำให้เป็นที่สนใจในหมู่ของคนที่รักษาสุขภาพ แต่ในการรับประทานวิตามินอี นั้นก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนรับประทานทุกครั้ง

วิตามินอี คืออะไร?

วิตามินอีหรือแอลฟา โทโคฟีรอล คือสารอารหารที่จำเป็นต่อ กระบวนการทำงานต่างๆของร่างกาย และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถละลายได้ดีในไขมัน โดยที่ร่างกายนั้นสามารถดึงมาใช้ได้เมื่อมีต้องการและความจำเป็น โดยจัดเป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอีกตัวนึงเลยทีเดียว

โดยวิตตามินอีจะช่วยป้องกัน การแตกของเม็ดเลือดแดง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและการอุดตันของเส้นเลือด ที่สำคัญยังช่วยลดการเกิดกระบวนการอักเสบในร่างกายที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆได้เช่นกัน โดยมีหน้าที่เสมือนกับ ฟองน้ำ ที่คอยดูดซับอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้เซลล์หรือเนื้้อเยื่อนั้นถูกทำลาย

วิตามินอีนั้นสามารถพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด เช่น ถั่ว เมล็ดพันธุ์ ผักใบเขียวต่างๆ และผลไม้ รวมไปถึงเนื้อสัตว์ ไข่ จมูกข้าวสาลี ดอกคำฝอย ถั่วเหลือง น้ำมันพืช เมล็ดทานตะวัน กะหล่ำปีดาว อะโวคาโด และ ผักปวยเล้ง เป็นต้น

โดยวิตามินอี นั้นยังมีในรูปแบบของอาหารเสริม ส่วนมากมักนำมาใช้กับผู้ที่มีปัญหาในการขาดวิตามินอี เช่น ผู้ที่เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย กล้ามเนื้อฝ่อ โรคโลหิตจาง รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ และนำมาใช้ป้องกันรักษาโรคต่างๆ อาทิเช่น โรคเลือดไร้บีตาลิโปรตีน เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารและไขมันได้

วิตามินอียังเป็นสารที่ช่วย ต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม และป้องกันการเกิด ออกซิเดชั่น ของสารในกลุ่มไขมัน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับ วิตามินเอ วิตามินซี ซีลีเนียม กรดอะมิโนซัลเฟอร์ และยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ วิตามินเอ ได้ดียิ่งขึ้นและทำหน้าที่สำคัญ คล้ายกับ เป็นยาขยายหลอดลม และยังเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด อีกด้วย

ประโยชน์ของวิตามินอี

  • ช่วยในการบรรเทาอาการออ่นเพลีย
  • ช่วยในการทำให้ดูออ่นกว่าวัย โดยการชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์
  • ลดโอกาส ในการเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก
  • ป้องกันการเกิด แผลเป็นหนานูน ทั้งภายนอกและภายใน
  • ช่วยในเรื่อง การบรรเทาอาการตะคิวหรืออาการขาตึง
  • ช่วนในการป้องกัน ภาวะแท้ง
  • ช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของ เซลล์มะเร็งเต้านม
  • ช่วยป้องกันการเกิดปฎิกริยา ออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี
  • ช่วยปกป้อง ปอด จากมลพิษต่างๆทางอากาศ โดยทำงานควบคู่กันกับวิตามินเอ
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคให้เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์
  • ยังทำงานคล้ายกับยาขับ ปัสสาวะ และช่วยในการลดความดันโลหิต
  • มีส่วนช่วยเร่งให้ แผลไฟไหม้ บริเวณผิวหนังหายเร็วยิ่งขึ้น
  • ช่วยในการป้องกันและสลายลิ่มเลือด
  • ช่วยป้องกันการเกิด โรคมะเร็ง ได้หลายชนิด
  • ลดความเสี่ยงในการเป็นโรค กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และอัมพฤษ์ อัมพาต
  • ช่วยลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์

คำเตือน!! ของการรับประทานวิตามินอี

  • ก่อนการใช้วิตามินอี นั้นควรปรึกษา แพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง หากว่าท่านกำลังใช้ยาอื่นๆ ได้แก่ ยาที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ ยาที่ซื้อ ใช้เอง รวมไปวิตามินและสมุนไพร เพราะในตัวยานั้นอาจมีปฎิกริยาต่อกัน และอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน
  • ควร หลีกเลี่ยง หรือแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนใช้ วิตามินอีหากท่านเคยมีประวัติแพ้ วิตามินอีมาก่อน หรือมีประวัติแพ้ยาอื่นๆ
  • การบริโภควิตามินอี นั้นหากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป หรือ หากท่านมี ภาวะ โรคหัวใจ หรือเบาหวาน นั้น ห้ามบริโภคเกินวันละ 400 IU อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้

ผู้ที่มีภาวะ หรือ โรคต่อไปนี้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

  • ภาวะโลหิตจาง
  • มีระดับวิตามิน เค ต่ำ
  • โรคภูมิแพ้ ต่างๆ
  • โรคตาบอดในเวลากลางคืน หรือการสูญเสียการมองเห็นชนิดอาร์พี
  • มีคอเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
  • มีประวัติเคยเป็นมะเร็ง หรือเป็นมะเร็ง
  • มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดในสมองหรือเกิดลิ่มเลือด
  • ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ในปริมาณมาก หรือดื่มเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน เช่น กาแฟ และสูบบุหรี่เป็นประจำ
  • หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่งให้นมบุตร ควรแจ้งให้ แพทย์ทราบหรือเภสัชรทราบก่อนใช้
  • ผู้ที่กำลังจะได้เข้ารับการผ่าตัด หรือผู้ที่พึ้งได้รับการผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้วิตามินอี อยู่

ยาอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการรับประทานวิตามินอี

  • ยาวาร์ฟาริน
  • น้ำมันมิเนรัล ออย
  • ยารักษาโรคอ้วน
  • ยาคอเลสไทรามีน

โดยปกติแล้วจะไมพบ การขาดวิตามินอี จาการขาดสารอาหาร แต่มักจะพบในความผิดปกติในการดูดซึมไขมัน เช่น การทำงานของตับ ตับออ่น และลำไส้ผิวปกติ หรือผู้ที่มีโรคทางพันธุกรรม หรือ โรคที่มีอาการผิดปกติของระบบประสาท รวมไปถึงการขาดวิตามินอี นอกจากนี้ยังพบการขาดวิตามินอีได้ในทารกคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ผู้ที่มีพังผืดในถุงน้ำดี

ซึ่งการขาดวิตามินอี ต้องใช้ระยะเวลานานจึงจะเริ่มมีสัญญาณ การเกิดความเสียหายในระบบประสาทปรากฎขึ้น เช่น การสูญเสียการรับสัมผัส และ การตอบสนองต่อสิ่งเร้า การสูญเสียความรู้สึกทางกาย กล้ามเนื้ออ่นแรง หรือ มีปัญหาเรื่องการกลอกตาและทรงตัวได้ยาก เป็นต้น

ผลข้างเคียงจากการใช้วิตามินอี

หากท่านมีอาการไม่พึ่งประสงค์ดังต่อไปนี้ ควรหยุดรัปประทานและแจ้งให้แพทย์ทราบทันที

  • มีอาการปวดศรีษะ เวียนศรีษะ หรือมีการมองเห็นที่เปลี่ยนไป
  • รู้สึกมีอาการหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม
  • มีอาการท้องเสีย หรือปวดบีบท้อง
  • เกิดรอยซ้ำหรือมีเลือดไหลได้ง่าย เช่น เลือดกำเดาไหล หรือเหงือกมีเลือดออก
  • มีอาการออ่นเพลียผิดปกติ หรือรู้สึกเหนื่อย

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป

  • รู้สึกเหนื่อย
  • คลื่นไส้
  • ปวดศรีษะ
  • มีผื่นคัน

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.pobpad.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%B5

ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ https://girlvariety.com/ ชุมชนสำหรับผู้หญิง