วิตามินบี มีกี่ชนิด? แต่ละชนิดมีประโยชน์และหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร
| By view
วิตามินบี หรือ วิตามินบีรวม เป็นที่รู้จักกันดีในรูปแบบของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยวิตามินบีนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกันไป วิตามินบี นั้นถือเป็นวิตามินตัวท๊อปๆ ที่ช่วยในการส่งเสริมการทำงานของระบบร่างกายให้ทำงานได้อย่างราบรื่นและเป็นปกติ และยังมีส่วนช่วยในการใช้ฟื้นฟูร่างกาย รวมไปถึงการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะในเรื่อง ของระบบประสาทและสมอง อีกด้วย
วิตามินบี มีด้วยกันกี่ชนิด?
วิตามินบีนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 8 ชนิด โดยแต่ละชนิดนั้นมีประสิทธิภาพ และ การทำหน้าที่ ที่แตกต่างกันไป และวิตามินบีในแต่ละตัวนั้นจะทำหน้าที่ช่วยส่งเสริมกันและกัน โดยจากการรับประทานรวมกันจึงจะทำเกิดประสิทธิภาพมากกว่าการแยกกันรับประทาน ในแต่ละชนิดของวิตามินบีรวมนั้นก็มีดังต่อไปนี้
วิตามินบี1 (ไทอะมีน)
- มีหน้าที่ในการช่วยเผาผลาญน้ำตาล ที่เรานั้นรับประทานเข้าไปโดยทำให้เกิดเป็นพลังงาน
- มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาท กล้ามเนื้อ และช่วยทำให้หัวใจนั้นทำงานเป็นปกติ
- ช่วยในเรื่องการป้องกัน โรคโลหิตจาก
- ช่วยบำรุงสมองในด้านความคิด และ สติปัญญาให้ดียิ่งขึ้น
- ยังมีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร ในประเภทจำพวกแป้งได้ดี
- ช่วยในการรักษา โรคงูสวัด
- ช่วยในด้านการส่งเสริมการเจริญเติบโต
- ช่วยในเรื่องการบรรเทาอาการ เมารถ เมาเรือ หรือ การเมาเครื่องบิน
- ช่วยรักษาอาการ เหน็บชา
- ช่วยส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่
หากร่างกาย นั้นขาดวิตามินบี 1 จะทำให้เกิด อาการอ่อนเพลีย ซาตามนิ้วมือ และยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจอีกด้วยเช่นกัน
วิตามินบี2 (ไรโบฟลาวิน)
- มีส่วนช่วยในการป้องกันการ เกิดแผลในช่องปาก และ โรคปากนกกระจอก
- ช่วยบำรุงในเรื่องของ ผิวพรรณ เล็บ และ เส้นผม ให้สุขภาพดี
- มีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านของการมองเห็น
- ช่วยในการลดอาการเจ็บปวดจากไมเกรน
- วิตามินบี2 นั้นร่วมกันทำงานกับสารอื่นๆ ในระบบเผาผลาญอาหารจำพวก แป้ง ไขมัน และโปรตีน
- ช่วยลดการเกิดมะเร็งในหลอดอาหาร
- มีส่วนช่วยในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง และป้องกันสารอนุมูลอิสระ
วิตามินบี3 (ไนอะซิ)
- ช่วยในเรื่องการเผาผลาญอาหาร ไขมัน และช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยในการทำลายสารพิษจากควันบุหรี่ และมลพิษ ต่างๆ
- ช่วยในการรักษาภาวะเคลียด
- ช่วยในการบรรเทาอาการท้องร่วง
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และช่วยลดความดันโลหิต
- ช่วยรักษาอาการร้อนใน และช่วยลดกลิ่นปาก
หากรับประทานวิตามินบี 3 เกินขนาด!! จะส่งผลให้มีแนวโน้มเป็น โรคเกาต์ หรือมีอาการปวดตามข้อของร่างกาย เพราะในร่างกายนั้นมี ไนอะซินมากเกินไป มีผลข้างเคียงที่ อาจทำให้มีอาการร้อนวูบวาบ หน้าแดง หรือมีอาการคันตามตัว เมื่อรับประทานวิตามินบี3 เกินกว่า 100 mg. และอาจส่งผลให้ผู้ที่เป็น เบาหวาน นั้นมีอาการของโรคเบาหวานรุนแรงมากยิ่งขึ้นได้
วิตามินบี5 (กรดแพนโทเทนิก)
- มีส่วนช่วยในเรื่องการนอนหลับ
- ช่วยควบคุมสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย
- ช่วยบรรเทาอาการ ข้ออักเสบ
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอรไรด์
- มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
- ช่วยในการรักษาอาการ เหน็บชาที่มือและเท้า
- ช่วยป้องกันและลดอาการช๊อคหลังจากการผ่าตัด
- มีส่วนช่วยในทำให้ร่างกายเจริญเติบโต
- ช่วยป้องกันในเรื่องการออ่นเพลียของร่างกาย
ส่วนใหญ่แล้ว โรคที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 5 ได้แก่ โรคไฮเปโปไกลซีเมีย หรือ การเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ รวมไปถึงการเป็นแผลในลำไส้เล็ก โรคเลือด และโรคผิวหนัง
วิตามินบี6 (ไพริด๊อกซิน)
- ช่วยเสริมสร้างในเรื่องภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง
- ช่วยในเรื่องการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย
- มีส่วนช่วยในการชะลอวัย
- ช่วยในการลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ
- ช่วยในเรื่องของการ ลดอาการคลื่นไส้ และอาการอาเจียน
- ช่วยในการป้องกันการเกิดนิ้วในไต
- ที่สำคัญยังเป็นยาขับปัสวะตามธรรมชาติอีกด้วย
หากรับประทานวิตามมินบี 6 เกินขนาด!! อาจทำให้เกิดอาการ กระสับกระสายในช่วงเวลานอน มีอาการเท้าชาและมีอาการกระตุก ในผู้ที่รับประทาน 2000 – 10000 mg. ทุกวัน นั้นอาจส่งผลให้เกิดปัญหากับระบบประสาทได้อีกด้วยเช่นกัน แนะนำให้รับประทานในปริมาณ ไม่เกิน 500 mg. ต่อวันจะปลอยดภัยที่สุด
วิตามินบี7 (ไบโอติน)
- ช่วยป้องกันการเกิดผมหงอก
- ช่วยในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับเส้นผม และหนังศรีษะ
- ช่วยบำรุงเล็บที่มีความแห้งเปราะ
- ช่วยบรรเทาอาการผื่นคันหรืออาการผิวหนังอักเสบต่างๆ
- ช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมันและโปรตีน
- ช่วยในการบรรเทาอาการปวดเมื่อยต่างๆตามบริเวณกล้ามเนื้อ
ส่วนใหญ่โรคที่พบในการขาดวิตามินบี 7 นั้นก็คือ มีอาการผมร่วง อ่อนเพลียง่าย มีผื่นและมีผิวหนังอักเสบในบริเวณใบหน้าและตัว รวมไปถึง อาการเบื่ออาหาร ร่วมด้วย ในปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 100-300 mcg.
วิตามินบี9 (กรดโฟลิก)
- มีส่วยช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณและสุขภาพ
- ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
- ช่วยทำให้เจริญอาหาร
- ช่วยในการป้องกันการเกิดพยาธิในลำไส้และรวมไปถึงอาการแพ้อาหารที่เป็นพิษ
- ช่วยในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
- ช่วยในการป้องกันการพิการของทารกแรกเกิด
- ช่วยในการชะลอการเกิดผมขาวให้ล้าช้าลง
- ช่วยรักษาผู้ที่มีภาวะซีดหรือโรคโลหิตจาง
- ช่วยป้องกันในการเกิดแผลร้อนใน
- ช่วยเสริมสร้างน้ำนมให้กับมารดาหลังคลอดบุตร
ในผู้ที่ขาดวิตามินบี 9 มักจะเป็นโรคโลหิตจางแบบแมโคไซติกหรือที่เรียกกันว่าเม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ผิดปกติ
วิตามินบี12 (โคบาลามิน)
- มีส่วนจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือด
- ช่วยในการบำรุงระบบประสาท
- ช่วยในการบรรเทาอาการหงุดหงิด และช่วยลดความเคลียด
- ช่วยในการเพิ่มสมาธิ และความจำ รวมไปถึงการทรงตัว
- มีส่วนช่วยทำให้เด็กนั้นมีความอยากอาหาร และเจริญอาหารยิ่งขึ้น
- มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งจากการสูบบุหรี่
- ช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
- ช่วยในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตและช่วยเพิ่มพลังให้แก่ร่างกาย
โรคที่สามารถพบได้ในผู้ที่ขาดวิตามินบี 12 ส่วนใหญ่มักจะเป็นโรคโลหิตจางหรือโรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบประสาท
ขอบคุณข้อมูลจาก https://medthai.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1/
ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ https://girlvariety.com/ ชุมชนสำหรับผู้หญิง