น้ำมันตับปลา & น้ำมันปลา คืออะไร แตกต่างกันยังไง และ มีประโยชน์อย่างไร
| By view
น้ำมันตับปลา และ น้ำมันปลา เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีให้เห็นกันมากมายในท้องตลาด ในยุคนี้ถือเป็นยุคที่คนเรานั้นหันมาสนใจในเรื่อง สุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย รวมไปถึงการทานอาหารและการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งหลายๆคนนั้นก็พยามสรรหาสิ่งดีๆต่างๆให้กับร่างกาย โดย น้ำมันตับปลา และน้ำมันปลา นั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่รักสุขภาพด้วยเช่นกัน
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ น้ำมันตับปลาและน้ำมันปลา ไปพร้อมๆกันเลยคะ
น้ำมันตับปลา คืออะไร?
ถ้าพูดถึง น้ำมันตับปลา คงเป็นที่รู้จักกันดีของหลายๆคน โดยน้ำมันตับปลา นั้นคือน้ำมันที่สกัดมาจาก ตับของปลา นั้นเอง ส่วนใหญ่มักมาจากปลาทะเล อาทิเช่น ปลาค็อด ในน้ำมันตับปลาอุดมไปด้วย วิตามินเอ และวิตามินดี ซึ่งเป็นวิตามิน ที่สามารถละลายในไขมัน ในน้ำมันตับปลาจึงมี วิตามินเอ และ วิตามินดี สูง
ใน วิตามินเอ นั้นจะช่วยสร้างเยื่อบุผิวหนัง และกระดูก ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค และช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตาให้สามารถ มองเห็นได้ดีในที่มืด หรือในที่ทีมีแสงน้อยหรือแสงสลัว ดังนั้นถ้าร่างกายเราขาด วิตามินเอ อาจจะทำให้เรานั้นมองเห็นภาพในตอนกลางคืนไม่ชัด และหากเวลานานวันเข้าอาจทำให้เรานั้นเป็นโรค ตาบอดกลางคืนได้
และในส่วน ของวิตามินดี นั้นทำหน้าที่ช่วยดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัสจากอารหาร ที่ย่อยผ่านเยื่อบุลำไส้เข้าสู่ร่างกาย ในผู้ป่วยโรคไต หากทานวิตามินดีก็จะช่วยเพิ่มการดูดซึมกลับของแคลเซียม และฟอสฟอรัสได้อีกด้วย ทั้งนี้ใน วิตามินดี นั้นมีความเกี่ยวพันกับแคลเซียม ในเด็กที่ขาดวิตามินดีก็มักจะมีปัญหาในเรื่องของ กะดูก และส่งผลอาจทำให้เกิดภาวะกระดูกออ่นได้
ในน้ำมันตับปลานั้นถึงแม้ จะอุดมไปด้วยไปด้วยวิตามินเอ และวิตามินดี แต่ในตับนั้นก็เป็นแหลงอาหารที่ค่อนข้างมี คอเลสเตอรอลสูงเช่นกัน ดังนั้นหากทานน้ำมันตับปลา ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น อาจส่งผลทำให้ร่างกายนั้นมีคลอเลสเตอรอลสูงเกินตามไปด้วย
หากทานน้ำมันตับปลามาก และได้รับปริมาณไขมันที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้ วิตามินเอ และวิตามินดีนั้นสะสมในร่างกายมากจนเกินไปและก่อให้เกิดอันตรายได้ หากเราต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จำพวกน้ำมันตับปลาแล้วละก็ ควรศึกษาวิธีทาน และปริมาณที่ควรทานให้เหมาะสมและพอดีต่อร่างกายของแต่ละคน
น้ำมันตับปลาถือเป็น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดแรกๆ ที่มีบทบาทต่อ วงการอาหารเสริมสุขภาพของไทย โดยมักพบได้หลากหลายรูปแบบ เช่นรุปแบบแคปซูลซอฟด์เจล หรือ แบบชนิดน้ำ โดยใช้วิธีการสกัด น้ำมันจากตับของปลา แบ่งออกเป็น การใช้ไอน้ำ การใช้ไอน้ำ ซึ่งจะใช้สำหรับสกัดตับของปลาชนิดที่น้ำมันในตับมาก และการใช้ตัวทำละลาย ซึ่งจะใช้สำหรับสลัด ตับของปลาชนิดที่มีน้ำมันในตับ
ข้อแนะนำและข้อควรปฎิบัติ
- ควรใช้น้ำมันตับปลาในปริมาณ และขนาดที่เหมาะสม เพราะค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียง โดยผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป เช่น ทำให้เรานั้นรู้สึกอยากเรอ ลมหายใจมีกลิ่นคาวปลา และทำให้มีกลิ่นปาก เกิดอาการร้อนกลางอก หรือมีเลือดกำเดาไหล
- ในสตีมีครรภ์ นั้นไม่ควรรับประทานน้ำมันตับปลา เพราะในน้ำมันตับปลานั้น มีปริมาณ วิตามินเอที่สูง และอาจส่งผลเกิดความผิวปกติ ของเด้กทารกในครรภ์ได้
- ในน้ำมันตับปลานั้น ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันไม่ให้ เลือดจับตัวเป็นก้อน ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีเลือดออกได้ง่ายขึ้น ดังนั้นในผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด และผู้ที่มีภาวะเสี่ยงเลือดออกผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้น้ำมันตับปลา
น้ำมันปลา คืออะไร?
น้ำมันปลา หรือน้ำมันที่สกัดมาจากปลาทะเล โดยสกัดจากส่วนของ เนื้อ หัว และหางของปลาทะเลน้ำลึก เราจึงเรียกว่าน้ำมันปลาเป็น fish oi ในน้ำมันปลานั้น อุดมไปด้วยกรดไขมันดีมากมาย แต่ที่มีมากที่สุด คือ กรดไขมันโดโคซาเฮกซาอีโนอิก หรือ DHA (docosahexaenoic acid) ซึ่งเป้นที่รู้จักกันดีและยังมีประโยขน์ต่อ หัวใจ และผิวพรรณ แต่นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกด้วย
DHA นั้นยังช่วยพัฒนาระบบประสาทและสมอง โดยการมองเห็นของเด็กในช่วงวัย 6 เดือนแรก และยังมีความสำคัญต่อการสร้างสารที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเส้นประสาท โดยมีผลต่อการทำงานหรือการสั่งงานของสมอง หากคุณแม่นั้นต้องการอยากเพิ่ม DHA ให้กับน้องๆในวัยแรกเกิด คุณแม่ ควรเลือกทาน DHA ให้มากๆ เพื่อส่งต่อ DHA ผ่านน้ำนมของคุณแม่ให้ไปถึงลูกได้
อย่างไรก็ตาม ร่างกายเรานั้นสามารถสร้าง DHA ขึ้นมาเองได้ โดยการสร้างจากกรดแอลฟ่าลิโนเลนิก (alpha-linolenic acid) เป็นกรดไขมันที่จำเป็น และในปริมาณที่ร่างกายสร้างได้นั้นมีไม่มาก จึงมีการแนะนำให้บริโภคปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาซาดีน ปลาแอนโชวี่ แมคเคอเรล และแซลม่อน ที่ช่วยเพิ่มระดับ DHA ในร่างกาย
ประโยชน์ของน้ำมันปลา
ระบบหัวใจและสมอง
- มีส่วนช่วยในการยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและลดไขมันในเส้นเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆโดยเฉพาะหัวใจและสมอง
ระบบหลอดเลือด
- มีส่วนช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว และทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย และช่วยลดการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
ช่วยลดการปวดไมเกรน
- ในกรดไขมันในน้ำมันปลา นั้นจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพรอสตาแกลนดิน และลดการหลั่งของสารชีโลโทนิน และทำให้การเกาะตัวของหลอดเลือดลดลงในระยะที่มีการบีบตัวของหลอดเลือดในสมอง จึงอาจทำให้ช่วยลดการปวดไมเกรนได้
ช่วยบรรเทาอาการหอบหืด
- น้ำมันปลาจะช่วยลดสารที่ก่อให้เกิดการอักแสบ และสารสำคัญที่ทำให้เกิดอาการหอบหืด ในการรับประทาน น้ำมันปลาอย่างต่อเนื่องนั้นจะมีส่วนช่วยบรรเทา อาการของหอบหืดได้
ช่วยเสริมสร้างการแก้ปัญหาภาวะซึมเศร้า
- จากผลวิจัยนั้น พบว่าผู้ที่บริโภคปลาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง มีอัตราการเป็นโรคซึมเศร้าต่ำ เพราะในสมดุลของกรดไขมันในร่างกายนั้น มีผลต่อความรุ่นแรงของการเกิดโรคซึมาเศร้า
ช่วยส่งเสริมการทำงานของเซลล์สมอง
- นอกจาก จะช่วยป้องกันสมองเสื่อม ในการทานน้ำมันปลานั้นจะมีส่วนช่วยป้องกัน สมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะ DHA มีส่วนช่วยสารที่ช่วยลดการสร้างเส้นใยในสมองอันเป็นตัวการทำลายใยประสาทส่วนความจำ
ลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน
- โดนนักวิจัยนั้น พบว่าในกรดไขมัน EPA ในน้ำมันปลา จะมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้นได้
ในส่วนของความแตกต่างของน้ำมันตับปลา และน้ำมันปลานั้น ให้เลือกทานกันให้ดี ว่าจะทานตัวไหน ก่อนที่เราจะทานน้ำมันทั้งสองชนิดนี้ ควรศึกษาวิธีทานให้ดี และปริมาณที่ควรทานให้พอดีกับร่างกายของตัวเอง และควรศึกษาถึงระยะในเวลาของการทานให้ดี เพื่อเป็นประโยชน์ต่อร่างกายให้มากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.sanook.com/health/9145/
ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ https://girlvariety.com/ ชุมชนสำหรับผู้หญิง