Girl Variety

ชุมชนสำหรับผู้หญิง

ดูแลดวงตา ให้สดใสและห่างไกลโรค ช่วยถนอมสายตาไว้ ไม่ให้เสื่อมก่อนวัยอันควร

| By

ดูแลดวงตา

ดูแลดวงตา ให้แข็งแรงและสดใส เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรค เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมาก เพราะดวงตาคืออวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกายคนเรา เป็นสิ่งที่ช่วยเราในการใช้ชีวิต และมองเห็นโลกกว้างได้ทั้งใบ

ในยุคที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต กลายเป็นเหมือนเงาตามตัวของมนุษย์ รวมไปถึงการทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์เกือบตลอดทั้งวัน ทำให้หลาย ๆ คนต้องใช้สายตาเยอะมาก จนดวงตาแห้ง อ่อนล้า และเสื่อมก่อนวัยได้ง่าย

ดวงตาของคนเรามีความละเอียดอ่อนมาก และต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น การดูแลดวงตาอย่างถูกวิธีจะช่วยถนอมสายตาของเรา ให้แข็งแรงและสดใส เพื่อที่ดวงตาจะได้อยู่กับเราไปอีกนานเท่านาน

ดูแลดวงตา ให้สดใสและห่างไกลโรค ควรทำอย่างไร

1 ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผักผลไม้ที่มีวิตามินเอ เช่น ผักบุ้ง แครอท ตำลึง ผักคะน้า ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอ และยังควรกินอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ลูทีน ซิงค์ วิตามินซี วิตามินอี เพราะจะช่วยชะลอหรือลดการเกิดโรคทางสายตา เช่น โรคจอตาเสื่อม และโรคต้อกระจกได้

2 ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

3 ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ห่างไกลจากโรคอ้วน โรคเบาหวาน มีไขมันสูง หรือโรคอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อดวงตา หรือมีปัญหาสายตาในอนาคตได้

4 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ดวงตาได้พักการใช้งาน

5 ควรพักสายตาทุก 1 ชั่วโมง เมื่อต้องใช้สายตาเยอะ ๆ หรือต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ไม่ควรใช้สายตาติดต่อกันเกินกว่า 1 ชั่วโมง โดยไม่พักสายตา

6 ควรลดเวลาในการจ้องจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตลงบ้าง

7 ควรปรับความสว่างของหน้าจอให้มีแสงพอควร เพื่อถนอมสายตา

8 ควรสวมแว่นกันแดดทุกครั้ง เมื่อต้องเจอแสงแดดแรง ๆ หรือเมื่อต้องอยู่กลางแดดจ้า หรือตอนขับขี่รถ เพราะแสงแดดสามารถทำร้ายดวงตาได้ และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก โรคจอประสาทตาเสื่อม

9 ควรสวมใส่แว่นตา หรือสวมเครื่องมือป้องกันดวงตาทุกครั้ง เมื่อปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยง เช่น เจียรเหล็ก ตอกตะปู ใช้เครื่องเชื่อม ใช้น้ำยาสารเคมี กรด ด่าง

10 ควรระมัดระวังและสวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตาทุกครั้ง เมื่อเล่นกีฬาที่มีความเสี่ยง เช่น ฟันดาบ มวย เบสบอล กอล์ฟ

11 ควรพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพตาปีละ 1 ครั้ง เพื่อรักษาสุขภาพดวงตาให้ดีอยู่เสมอ เพราะบางโรคไม่สามารถสังเกต หรือบอกได้ในช่วงแรก เช่น โรคต้อกระจก โรคจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ และโรคเบาหวานขึ้นตา การตรวจจึงเป็นวิธีเดียว ที่ช่วยค้นหาโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้สูง

12 ควรตรวจเช็คสุขภาพกายด้านอื่น ๆ ด้วย เพราะโรคทางกายบางโรคสามารถมีผลต่อระบบการมองเห็น เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันสูง โรคหัวใจ

13 ไม่ควรนั่งดูโทรทัศน์ในระยะใกล้หน้าจอจนเกินไป แต่ควรนั่งห่างออกมาประมาณ 5 เท่า และควรดูโทรทัศน์ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ

14 ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เพราะยาบางตัวมีส่วนผสมของเสตียรอยด์ อาจทำให้เป็นโรคต้อหินได้

15 ไม่ควรซื้อน้ำยามาล้างตาเองโดยไม่จำเป็น เพราะอาจเกิดภาวะตาแห้ง หรือระคายเคืองได้

16 ไม่ควรขยี้ตา เพราะอาจทำให้กระจกตาเป็นแผล หรือตาติดเชื้อจากมือที่สกปรกได้

17 ถ้าฝุ่นละอองเข้าตา ห้ามใช้มือขยี้ตา แต่ให้ใช้น้ำสะอาดหรือน้ำยาล้างตา ในการทำความสะอาดดวงตา

18 หากต้องการหรือมีความจำเป็นจะต้องสวมใส่คอนแทคเลนส์ ควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อน โดยก่อนใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ ควรล้างมือให้สะอาด และไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์เกินระยะเวลาที่กำหนด ไม่ควรใส่ขณะว่ายน้ำ และไม่ควรใส่ข้ามวันโดยไม่ถอดออก เพราะมีความเสี่ยงที่จะระคายเคืองหรือติดเชื้อได้

19 ควรดื่มแอลกอฮอล์ในระดับที่พอดี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางสายตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ

20 ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ โรคต้อกระจก หรืออาจทำลายเส้นประสาทตา จนทำให้ตาบอดได้ในอนาคต

21 ควรปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือถืออุปกรณ์ ให้อยู่ในระดับสายตาพอดี และให้ระยะคอมพิวเตอร์ห่างจากสายตาประมาณ 25 นิ้ว

22 ควรทิ้งเครื่องสำอางหรือครีมที่เก่าแล้ว หรือตรวจดูวันหมดอายุก่อนใช้ เพราะเครื่องสำอางที่เก่าหรือหมดอายุ มักเกิดแบคทีเรียได้ง่าย หากนำมาใช้จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ดวงตาได้

23 ไม่ควรใช้เครื่องสำอางร่วมกับกับผู้อื่น และไม่ควรทดลองเครื่องสำอางตัวอย่างกับดวงตาโดยตรง

24 โรคของดวงตาบางชนิด สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม จึงควรทราบความเสี่ยงด้านสุขภาพของตัวเอง และประวัติเกี่ยวกับโรคทางดวงตาของบุคคลในครอบครัว

แหล่งสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา

  • ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม
  • ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือส้ม ซึ่งมีสารเบต้าแคโรทีน เช่น แครอท
  • ปลาแซมอน
  • ปลาทูน่า
  • ไข่
  • ถั่ว
  • ส้ม
  • ผลไม้หรือน้ำผลไม้รสเปรี้ยว
  • หอยนางรม
  • เนื้อหมู
  • สัตว์ปีก
  • ธัญพืช

พฤติกรรมที่ควรระวัง เพราะทำแล้วจะทำร้ายดวงตาได้

  • กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ทำให้ขาดสารอาหารไปบำรุงดวงตา
  • จ้องจอของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน ๆ เพราะจะมีแสงสีฟ้าหรือ Blue Light ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ยิ่งจ้องจอนาน ก็ยิ่งได้รับแสงสีฟ้ามากขึ้น อาจทำให้ตาแห้ง และทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคจุดรับภาพเสื่อม และโรคต้อกระจก
  • ตากแดดและตากลม เพราะการเผชิญกับแสงแดด รังสี UV ฝุ่น และลม อาจเสี่ยงต่อการเกิดต้อชนิดต่าง ๆ ได้
  • นอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน จะส่งผลให้ดวงตาอ่อนล้า อาจเกิดโรคต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อมได้
  • ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ ทำให้ดวงตาระคายเคืองและอักเสบได้ง่าย อาจเกิดภาวะตาแห้ง กระจกตาเป็นแผลอักเสบ จนติดเชื้อ และอาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียดวงตาได้

นอกจากนี้ ความเสื่อมตามวัยและอายุ รวมทั้งโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ก็ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตาได้เช่นกัน โดยผู้ป่วยโรคเบาหวาน เสี่ยงเกิดต้อกระจกมากกว่าคนทั่วไป 2-4 เท่า และโรคต้อกระจกยังมีโอกาสทำให้ตาบอดได้ 52% โดยผู้สูงอายุนั้นมีโอกาสเกิดต้อกระจกมากถึง 95%


ขอบคุณข้อมูลจาก pobpad.com

ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ได้ที่ Girl Variety ชุมชนสำหรับผู้หญิง