Girl Variety

ชุมชนสำหรับผู้หญิง

คอลลาเจน คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และ มีความจำเป็นหรือไม่

| By

คอลลาเจน

คอลลาเจน คือโปรตีน ที่ร่างกายของมนุษย์นั้น สามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ โดยทำหน้าเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย ในยุคปัจจุบัน คอลาเจน เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมอย่างมากในเรื่องของการช่วยให้ ผิวพรรณดูขาวกระจ่างใส ไร้สิว และดูออ่นกว่าวัย ไม่ว่าจะเป็นการฉีด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์เซรั่ม และครีมต่างๆที่มีส่วนผสมของคลอลาเจน ก็ตาม

ว่าแล้ว!! เรามาทำความรู้จักกับคลอลาเจนไปพร้อมๆกันเลยคะ

คอลลาเจน คืออะไร

คอลลาเจนนั้นเป็นเส้นใยชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่คล้ายคลึงกับการยึดส่วนต่างๆในร่างกาย และยังจัดเป็นองค์ประกอบสำคัญหลักๆ ของผิวหนัง และเส้นผม โดยเป็นโปรตีนที่มากที่สุดในร่างกาย คิดเป็น 1 ใน 3 ของโปรตีนทั่วร่างกาย

ช่วยทำให้ผิวหนังนั้นมีความยืดหยุ่น และยังคงความกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน โดยส่วนใหญ่นั้นมักพบมากในบริเวณ กระดูกข้อต่อ กระดูกออ่น รวมไปถึงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆในร่างกายของทั้งคนและสัตว์

โดยการรับประทานอาหาร จำพวกโปรตีน เช่นเนื้อสัตว์ ปลา หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม ทำให้โปรตีนั้นถูกย่อยสลายจนแตกตัว และสามารถก่อตัวขึ้นมาใหม่ ก็เปรียบเสมือนเป็นการช่วยรักาษาแผล หรือซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และการเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรง รวมไปถึงยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวได้ด้วยเช่นกัน

เมื่อเริ่มเข้าวัย 30 ปี ขึ้นไป แล้วละก็ การสังเคราะห์ของเส้นใย โปรตีนชนิดนนี้จะลดลง ไปถึงปีละ 1.5% ถ้าพูดกันง่ายๆ คือ ร่างกายของมนุษย์นั้นมีการผลิตคลอลาเจนที่น้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น และเมื่อร่างกายผลิตคลอลาเจนไม่เพียงพอ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังเหี่ยว มีริ้วรอย และขาดความยืดหยุ่น บางครั้งบริเวณข้อต่อก็อาจจะเริ่มไม่แข็งแรง

จึงเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้ผู้หญิงหลายๆคนนั้น หันมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น โดยสัญญาณที่บ่งบอกได้ชัดของผู้ที่ขาดคลอลาเจน คือ ผิวไม่เต่งตึง และมีความออ่นนุ่มที่น้อยลง รวมไปถึงมีอาการ ปวดเมื่อยตามข้อต่อกระดูกต่างๆของร่างกาย

ใน ผิว พบคลอลาเจน มากถึง 75% ในกระดูกพบคลอลาเจนมากถึง 25% และในกระดูกออ่นนั้นมีคลอลาเจนอยู่ 50% รวมไปถึงเส้นเลือดใหญ่มีคลอลาเจนอยู่ 12-24% คลอลาเจนจึงถือเป็น โปรตีนชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่เป็นโครงสร้างสำคัญ ของร่างกาย

ประโยชน์ของคลอลาเจน

  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นของชั้นผิวหนัง
  • ป้องกันฝ้า กระ และจุดด่างดำ
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต
  • ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลามามิน
  • ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น
  • ลดการเกิดริ้วรอยล่องลึก
  • ต่อต้านการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
  • เพิ่มความชุ่มชื่น ความฟู และลดความหยาบกร้านของผิว
  • ลดการเปราะแตกของเล็บ
  • ช่วยชะลอการสลายของกระดูก
  • ช่วยในเรื่องของข้อต่อกระดูกในกลุ่มผู้สูงอายุ

ในการเลือกรับประทานคลอลาเจน ให้ได้ผลดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด องค์การอาหารและยานั้น แนะนำว่าควรรับประทานคลอลาเจน สายสั้น (Hydrolyzed collagen) เพราะร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่าชนิดสายยาว ในการทานคลอลาเจนเสริมนั้น แนะนำให้ดื่มน้ำตามมากๆ เพราะถ้าหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอร่างกายนั้นจะไม่สามารถดูดซึมและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ การทานคลอลาเจนแนะนำให้ทานควบคู่กันกับวิตตามินซีเพราะจะทำให้การดูดซึมดียิ่งขึ้น

หลายๆคน คงทราบแล้วว่าคลอลาเจน นั้นเป็นโปรตีนที่สำคัญ แก่ร่างกายอย่างมาก โดยส่งผลกับระบบต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง ผม เล็บ และข้อต่อกระดูก รวมไปถึงเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย

ส่งผลให้ร่างกายนั้นมีความต้องการคลอลาเจนในปริมาณมาก แต่อย่างไรก็ตามร่างกาย นั้นก็สามารถสร้างคลอลาเจนขึ้นเองได้ โดยเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วยเช่นกัน เราจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องรับคลอลาเจนเข้าสู่ร่างกายโดยการกินคลอลาเจนเพิ่ม

โดยร่างกาย ของมนุษย์นั้นสามารถดูดซึมคลอลาเจนได้ใน ปริมาณที่จำกัด ส่วนคลอลาเจนที่เป็นส่วนเกิน จากการรับประทานนั้นจะไม่ถูกนำไปใช้ใน การบำรุงผิวพรรณ หรือเส้นผม แต่จะนำไปใช้ในการเสริมสร้างการเจริญเติบโต ของกระดูกแทน

สิ่งที่ร่างกายจะทำก็คือ นำคลอลาเจนส่วนเกินเหล่านี้ เข้าสุ่กระบวนการ ย่อยอาหาร เพื่อย่อยให้เหลือเป็น กรดอมิโนเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายนั้นนำไปใช้เมื่อจำเป็น โดยคลอลาเจนพวกนี้จะไม่ถูกนำไปใช้ในกระบวนการของการ ช่วยบำรุงผิวอย่างแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตามคลอลาเจน ที่เรานั้นได้รับประทานเข้าไป ถึงจะไม่ส่งผลต่อเรื่องผิวพรรณก็ตาม แต่มีประโยชน์ต่อกระดูดและข้อต่อ โดยเจ้าคลอลาเจน ส่วนเกินพวกนี้ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายนั้นผลิตคลอลาเจนเพิ่มได้ โดยการใช้กรด อมิโน ที่ได้รับาการย่อยคลอลาเจนส่วนเกินนั้นมาเป็นแหลงวัตถุดิบนั้นเอง

อาหารที่อุดมไปด้วยคลอลาเจน

1.แตงกวา

แตงกวา จัดเป็นผักชนิดนึงที่เราทุกคนรู้จักันดี และที่สำคัญสามารถนำไปทำ อาหารได้หลายเมนูเลยทีเดียว ไม่ว่าจะแตกกวาผัดไข่ ตำแตง หรือจะกินสดๆคู่กับน้ำพริก ก็อร่อย ในแตงกวานั้น อุดมไปด้วยกำมะถันที่มีส่วนสำคัญในการสร้างคลอลาเจน และนอกจากนี้ยังช่วย ลดรอยแดงจากผิว รอยดำ และลดปัญหาผิวต่างๆ อีกด้วย

2.แครอท

แครอทอุดมไปด้วย วิตามินเอ ที่มีประโยชน์ต่อสายตาและยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคลอลาเจนมากขึ้น ยังช่วยในการปรับสมดุลของอีลาสติน ทำให้ผิวไม่แห้งเกินไป และในแครอทยังมีสารฟอลคารินอลที่สามารถช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งอีกด้วย

3.ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองเป็นแหลงโปรตีนชั้นดีที่ช่วยในการซ่อมแซมผิว และอุดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เรียกว่า ไอโซฟลาโวน โดยมีส่วนช่วยให้ กระบวนการการสร้างคลอลาเจนให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นนมถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ และผลิตภัณฑ์จากถั่วเลืองทุกชนิด

4.กะหล่ำปี

เป็นผักอีกชนิด ที่สามารถนำไปประกอบอาหาร และรับประทานเป็นผักสดได้เช่นกัน ในกระหล่ำปีนั้นมีสารชนิดหนึ่ง คือ ลูติน (lutein) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการเสริมสร้างคลอลาเจน และยังอุดมไปด้วย วิตามิน บี 6  แมงกานีส โฟเลท แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และธาตุเหล็ก อีกด้วย

5.ส้มและมะนาว

ในส้มและมะนาวนั้น อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยในการผลิตคลอลาเจน และยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยแก้ปัญหาผิวไหม้คล้ำแดด ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวด้วยเช่นกัน


ขอบคุณข้อมูลจาก https://mgronline.com/celebonline/detail/9640000005579

ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ https://girlvariety.com/ ชุมชนสำหรับผู้หญิง